โรคต่อมลูกหมากโต (BPH - Benign Prostatic Hyperplasia)
คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ในบริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากทำหน้าที่สร้างสารที่เป็นของเหลวประมาณ 30% ของน้ำอสุจิ

ด้วยเหตุที่ต่อมลูกหมากจะห่อหุ้มท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้ ดังนั้นเมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็อาจกดทับท่อปัสสาวะให้ตีบเล็กลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด นอกจากนี้ต่อมลูกหมากโตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านท่อแคบๆ และเมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง คนไข้จึงต้องปัสสาวะบ่อย และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้

โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่พบได้เป็นปกติ และการเกิดขึ้นมักจะสัมพันธ์กับอายุ มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า 50% ของผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากนั้นมีอายุประมาณ 60 ปี

วิธีการตรวจสอบต่อมลูกหมากโต

  • การตรวจสอบร่างกายและซักประวัติคนไข้โดยละเอียด ซึ่งรวมไปถึงการตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination) ซึ่งแพทย์จะใช้นิ้วสวมถุงมือสอดเข้าไปในทวารหนักและกดลงบนต่อมลูกหมากเพื่อตรวจและประเมินขนาดของต่อมลูกหมากว่าผิดปกติหรือไม่
  • ทำการทดสอบเพื่อวัดอัตราการไหลของปัสสาวะ
  • ตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
  • วัดปริมาณปัสสาวะที่เก็บอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ

โทเมซิงพลัส 2 (Tomazing Plus 2 ) บรรเทา ปัญหาต่อมลูกหมากโต

  1. สารสกัดสมุนไพร มีความปลอดภัยสูง ลดการใช้ยาระยะยาวที่มีผลกระทบต่อ ตับ ไต
  2. ไม่ต้องผ่าตัด หากอาการไม่รุนแรงมากนัก
  3. ไม่ต้องอายหมอ ไม่จำเป็นต้องบอกใคร
  4. ลดความเสี่ยง ในการเกิด ภาวะแทรกซ้อน หรือการเกิดการพัฒนาไปสู่การเป็น มะเร็งต่อมลูกหมาก

ดังนั้นอาหารที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีความสำคัญและจำเป็นมากใน การป้องกันและรักษาโรค ซึ่ง สารต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมากอีกตัวก็คือ ไลโคปีน Lycopene นั่นเอง

แนวทางปฏิบัติเมื่อเป็น โรคต่อมลูกหมากโต

  • ผู้ป่วยไม่ควร กลั้นปัสสาวะ เพราะกลั้นแล้วจะทำให้เป็นมากขึ้น และการกลั้น ปัสสาวะนาน เกินไปจะทำให้ กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ เกิดความเสียหาย
  • ผู้ป่วยก่อนนอนไม่ควรดื่มน้ำมาก และควร ปัสสาวะก่อนเข้านอน เพราะกลางคืนจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นบ่อย
  • ฝึกการเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องน้ำทุกๆ 4-6 ชั่วโมง เป็นวิธีการจำกัดการเข้าห้องน้ำและฝึกให้ ปัสสาวะเป็นเวลา ซึ่งจะช่วยได้มากในกลุ่มผู้ป่วยที่ ปัสสาวะบ่อย และไม่สามารถกลั้นได้
  • ควร งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ ปัสสาวะออกมามาก และควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มี คาเฟอีน หรือลดปริมาณลง เพื่อระวังไม่ให้เกิด การระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ อาการแย่ลง
  • ผู้ป่วยควร ออกกำลังกาย บ้าง เพราะมีการวิจัยพบว่าการ ออกกำลังกายด้วยการเดิน อย่างน้อยวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยให้อาการดีขึ้น
  • ระวังการรับประทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาทั้ง 2 ชนิดจะทำให้ ปัสสาวะได้ลำบาก เนื่องจากยาจะเข้าไปทำให้ กล้ามเนื้อบริเวณท่อปัสสาวะ ที่ควบคุม การไหลของปัสสาวะ หดตัว (ซึ่งในเรื่องนี้ควรทำโดยการปรึกษาแพทย์ก่อน)
  • ควร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยในเรื่องของ การควบคุมน้ำหนัก ทำให้ความเสี่ยง โรคอ้วน ลดลง ซึ่งเพิ่มความสี่ยงการเป็น โรคต่อมลูกหมากโต
  • ผู้ป่วยไม่ควร ขี่หรือนั่งจักรยาน หรือ ทำกิจกรรม อะไรที่ สะเทือนต่อมลูกหมาก เพราะจะทำให้ ปัสสาวะไม่ออก และอาจมีอาการอื่นๆ
  • หากเป็นไปได้ควรมี กิจกรรมร่วมเพศ การมีน้ำเชื้อออกมาบ้างจะทำให้ ต่อมลูกหมาก ไม่บวม

ทำไม?! ต้อง โทเมซิง พลัส 2 เพราะความ ปลอดภัย

  1. สารสกัดสมุนไพร มีความปลอดภัยสูง ลดการใช้ยาระยะยาวที่มีผลกระทบต่อ ตับ ไต
  2. ยับยั้งการแบ่งตัว ของเซลล์ต่อมลูกหมาก
  3. ลดค่า PSA ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเกิดความผิดปกติของต่อมลูกหมาก
  4. ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ผิดเพี้ยนไปเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง
  5. ไม่ต้องผ่าตัด หากอาการไม่รุนแรงมากนัก
  6. ลดความเสี่ยง ในการเกิด ภาวะแทรกซ้อน หรือการเกิดการพัฒนาไปสู่การเป็น มะเร็งต่อมลูกหมาก
  7. ต้านการเกิดมะเร็งหลายชนิด
  8. สามารถ รับประทานร่วมกับยาตามแพทย์สั่งได้
  9. ใช้เป็น การรักษาแบบคู่ขนาน กับการแพทย์แผนปัจจุบันได้ดี

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า กลางวัน และก่อนนอน

อย. 50-1-12755-1-0003